OKRs คืออะไร และจะใช้อย่างไรให้เติบโตในปี 2022
บริษัทต่างๆ เช่น Microsoft,Google,Netflix,Uber,Twitter และ LinkedIn ใช้วิธีการที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ เรียกว่ากรอบงาน Objective Key Results (OKRs) และสามารถใช้ได้ทั้งกับ บุคคล ทีม และองค์กรเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย
หลายๆท่านคงสงสัยว่า OKRs คืออะไร? ในบทความนี้เราจะเล่าให้เข้าใจง่ายๆ
![business](https://www.optimistic-app.com/wp-content/uploads/sites/14/2022/05/business-1024x389.jpg)
OKRs ย่อมาจาก Objective Key Results
เป็นระบบงานที่ถือกำเนิดครั้งแรกใน บริษัท Intel ยักษ์ใหญ่แห่งวงการ Microchip ในอเมริกา จากนั้นได้นำมาใช้กับ Start up เล็กๆ ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด นั้นคือ Start up ที่มีชื่อว่า Google นี่คือสาเหตุให้ OKRs เริ่มเป็นที่รู้จักและถูกให้ความสนใจมากขึ้นจนบริษัทชั้นนำทั่วโลกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายและประสบความสำเร็จ
O=Objective ในที่นี้หมายถึง เป้าประสงค์ หรือเป้าหมาย ของตัวเราองค์กร หรือทีมงาน เป็นความต้องการ เรียกว่า อยากได้อะไรก็บอกมาให้ชัดเจน เช่นทีมขายต้องการยอดขาย องค์กรต้องการกำไร ต้องการพัฒนาระบบ ต้องการพัฒนาพนักงาน ต้องการสินค้าใหม่ๆ ต้องการสร้างความพอใจให้ลูกค้า ฯลฯ เป็นต้น
KR=Key Results หมายถึง ผลลัพธ์ที่เป็นสาระสำคัญ 3-5 เรื่อง ที่บ่งบอกความก้าวหน้าปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ ที่สำคัญต้องเข้าใจก่อนว่า
“Key Results ไม่ใช่กิจกรรมที่ต้องทำ ไม่ใช่กระบวนการทำงาน ไม่ใช่ตัว Do list”
แต่ Key Results ที่ดีต้องมี
- การวัดผลตัวเลขที่ชัดเจน
- มีกรอบเวลาที่ชัดเจน
ง่ายๆคือทุกอย่างต้องถูกตีกรอบด้วยตัวเลขที่ชัดเจนนั้นเอง
ตัวอย่าง
OKRs โรงงานผลิตสินค้าอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งต้องการขายสินค้าผ่าน เว็บไซต์
Objective คือต้องการขายของผ่านช่องทางเว็บไซต์
เมื่อได้ความต้องการ จากนั้นก็สร้าง Key Result ขึ้นมาโดยกำหนดตัวเลขผลและกรอบเวลาที่ชัดเจนเช่น
KR1=ต้องมีเว็บไซต์ กำหนดเวลาการทำให้เสร็จ 31 พ.ค. 65
KR2=เว็บไซต์ต้องติด Top5 ของการค้นหาภายใน 30 มิ.ย.65
KR3=มีกลุ่มเป้าหมายเข้ามาชมเว็บไซต์อย่างน้อย 1000 ครั้ง/เดือน
KR4=ต้องมีการสั่งซื้ออย่างน้อย 10 คำสั่ง/เดือน (มีคนเข้ามา1000คนต้องมีคนสั่ง 10 คน Conversion Rate คือ1%)
KR5=มียอดขายอย่างน้อย 300,000 บาท/เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ย.65
จะเห็นว่าการกำหนดเงื่อนไขจะเป็นขั้นเป็นตอน
- เริ่มจากจะขายผ่านเว็บไซต์ก็ต้องมีเว็บไซต์ และต้องทำเสร็จเมื่อไหร่
- ต้องPromote ให้ติดบนการค้นหาลำดับที่ต้องการ ในเวลาที่กำหนด
- ตั้งปริมาณกลุ่มเป้าหมายเข้ามาค้นหาเยี่ยมชมอย่างน้อยกี่คน/เดือน
- ตั้งเป้าการสั่งสินค้าเข้ามาอย่างน้อยกี่คน/เดือน Conversion Rate
- กำหนดยอดขายที่ต้องการ/เดือน ภายในระยะเวลาที่กำหนด
การติดตามและให้คะแนน OKRs นี้สามารถวัดได้จาก การทำงานได้เสร็จตามกรอบเวลาที่กำหนดหรือไม่ และบรรลุถึงยอดตัวเลขเป้าหมายที่ตั้งไว้ในช่วงเวลาที่กำหนดหรือไม่
จากตัวอย่างจะพอสรุปจุดเด่นของ OKRs ได้ดังนี้
- เป็นแนวคิดที่เรียบง่ายในการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน
- Focus เรื่องสำคัญ 3-5 เรื่องเพื่อสร้างผลลัพธ์ทวีคูณ
- OKRs คือการออกแบบมาเพื่อเน้นการวัดผลลัพธ์ และเน้นประสิทธิผล ถ้าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นยังห่างไกลกับเป้าหมายที่ต้องการ เราสามารถกลับมาแก้ไข ปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานได้ โดยต้องยึดผลลัพธ์ที่ต้องการเอาไว้
ประโยชน์ของการใช้กรอบงานแบบ OKRs สามารถสรุปได้ด้วยคำย่อ FACTS โดยที่
- F ย่อมาจาก Focus -OKRs ช่วยสร้างเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้สามารถจัดสรรเวลา และทุ่มพลังไปได้ตรงจุด เพื่อบรรลุความสำเร็จ
- A ย่อมาจาก Alignment–OKRs เป็นวิธีที่จะทำให้ทุกคนทำงานตามลำดับความสำคัญที่เหมือนกัน
- C ย่อมาจาก Commitment -OKRs เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความมุ่งมั่นร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายเดียวกัน
- T ย่อมาจาก Tracking -OKRs ช่วยให้สามารถติดตามความคืบหน้าและปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ
- S ย่อมาจาก Stretching -OKRs สร้างแรงบันดาลใจ และให้พลัง ในการออกจาก Comfort Zone ของแต่ละคน และก้าวสู่ความสำเร็จที่มากขึ้น
![pexels-photo-7793641](https://www.optimistic-app.com/wp-content/uploads/sites/14/2022/05/pexels-photo-7793641.jpeg)
สุดท้ายนี้การปรับและนำแนวคิดแบบ OKRs เพื่อนำไปใช้กับองค์กรในปี 2022 นั้น องค์กรเองอาจตั้งเป้าหมายใหญ่ๆที่ต้องการสักไม่เกิน 5 เป้าหมายใหญ่ๆ เพื่อให้คนในองค์กรหรือทีมงานรับรู้ว่าองค์กรต้องการอะไร และมีทิศทางเป็นอย่างไร พูดง่ายๆ คือถ้าเราโฟกัสไปทุกเรื่อง ให้ความสำคัญไปทุกเรื่อง เยอะแยะมากมาย อาจหมายความได้ว่าไม่มีการโฟกัสจริงๆ แสดงให้เห็นความสับสนของผู้บริหาร สุดท้ายเมื่อไม่มีความชัดเจนพนักงานก็จะสับสนไปด้วยเช่นกัน
“โดยธรรมชาติแล้ว เมื่อเรารู้ว่าเราต้องการอะไร แล้วอะไรคือปัจจัยที่เป็นสิ่งสำคัญมีผลต่อความสำเร็จ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูงก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่ยากเช่นกัน”
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
Power wits โดย คุณ ภูดิศ อาสนมณี
https://www.youtube.com/watch?v=ait6GPPbJNE